วันนี้วันสบายๆเว้นว่างจากเรื่องงาน (ก่อนหน้านี้ต้องสอนภาคฤดูร้อนกรณีพิเศษให้กับนักศึกษากลุ่มหนึ่ง)
ก็เลยชักชวนลูกคือพี่มิญล์และน้องอั๋นไปนั่งกินติ่มซำ (ของชอบลูกๆ) แล้วก็ขับมอเตอร์ไซด์ไปที่ร้าน
ประจำ (หลังจากนั้นจึงค่อยไปตลาดนัด)
ประจำ (หลังจากนั้นจึงค่อยไปตลาดนัด)
ขณะนั่งในร้าน
ผม : น้องอั๋น ดูหน้าตาก็รู้เลยนะว่าน้องอั๋นยังไม่อาบน้ำ
น้องอั๋น : แล้วป่ะป๊าหละ ก็ยังไม่อาบเหมือนกัน (พูดเสียงดัง)
ผม : ป่ะป๊าอาบแล้วตั้งแต่ตอนเช้า (ความจริงยังไม่อาบครับ 555)
พี่มิญล์ : ป่ะป๊าอาบตั้งแต่เช้าแล้ว น้องอั๋นนะตื่นสาย (ผมนึกขำในใจ)
น้องอั๋น : (นั่งเฉยไม่พูดอะไรต่อ แล้วก็ตั้งหน้าตั้งตากินติ่มซำต่อ)
หลังจากนั้นก็มีผู้ชายคนหนึ่งอายุประมาณสี่สิบต้นๆ เดินเข้ามาขายพวงมาลัยดอกไม้ในร้าน หลังจากขายโต๊ะอื่นเขาจึงมายืนตรงหน้าโต๊ะผมแต่ไม่พูด (เป็นแบบนี้กับทุกโต๊ะ)
ผม : ผมไม่มีรถยนต์ครับ
ลูกทั้งสอง (นั่งงง)
คนขายพวงมาลัยยืนราวๆยี่สิบวินาทีก็เดินไปโต๊ะอื่น แล้วก็เดินออกไปจากร้าน (ด้วยยอดขายเป็นศูนย์)
ผมมองแล้วนั่งคิด “เราสะสมรถไฟ ทำเลย์เอาต์รถไฟ ซื้อของต่างประเทศเป็นหมื่น ทำไมไม่ช่วยซื้อพวงมาลัยพวงละยี่สิบบาท เราไม่ดีหรือเปล่า ทำไม่ถูกหรือเปล่า”
แต่อีกความคิดหนึ่งก็ผุดเข้ามาแทน “แต่ที่เราซื้อรถไฟเพราะเราทำตามเหตุผลที่ว่าถ้าเราซื้อของ ๑ อย่าง ต้องให้ได้ประโยชน์ ๓ อย่าง เราคิดดีแล้ว”
แล้วคิดต่อไปว่า“หนึ่ง เราซื้อพวงมาลัยก็ไม่ได้เอาไปใช้งาน สอง ไม่แน่ใจว่าพวงมาลัยดังกล่าวแช่ยาหรือเปล่า” ความคิดต่างๆก็เลยพลุ่งพล่านออกมาเพื่อหักล้างกับความคิดแรก
ในหนึ่งสถานะการณ์ เราคิดได้หลายอย่างจริงๆ
ขอบคุณครับสำหรับการอ่านไดอารี่เล็กๆในวันนี้
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น